ในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2564 Mark Zuckerberg ได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น “Meta” เพื่อที่เขาจะเปลี่ยนภาพลักษณ์จากบริษัทที่ทำ social network เป็นบริษัทที่มุ่งพัฒนาโลก online ให้ไปอีกขั้น หรือที่เรียกว่า “metaverse”
“Today , I think we look at the internet , but I think in the future you’re going to be in the experiences.”
“ทุกวันนี้ เรากำลังมองไปที่อินเตอร์เน็ต แต่ในอนาคตผมคิดว่าเราจะเข้าไปอยู่ในประสบการณ์ของมัน”
Mark Zuckerburg, CEO of Meta
“from now on, we’re going to be metaverse first, not Facebook first”
“ต่อจากนี้ เราจะมุ่งความสำคัญไปที่ metaverse ก่อน ไม่ใช่ Facebook”
Mark Zuckerberg, CEO of Meta
Metaverse คืออะไร?
หากจะถามว่า metaverse คืออะไร นิยามสั้นๆก็คงจะเป็น “โลกเสมือนดิจิทอล” หรือยาวหน่อยก็คือ พื้นที่ในโลกเสมือนที่เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับ digital object ในนั้น หรือแม้กระทั่งกับ avatar ของคนอื่นๆที่เข้ามาในโลกเสมือนนี้เช่นกัน
ฟังดูอนาคตดีใช่ไหม แต่ทีนี้ด้วยความที่ metaverse เนี่ยมันคือโลกเสมือนที่สามารถมี interactive กับโลกในนั้น ทำให้เทคโนโลยีที่ใช้ผสมเทคโนโลยีสองอย่างใหญ่ๆเข้าด้วยกัน ก็คือ augmented and virtual reality (AR/VR) เสมือนเป็นภาพ บวกกับระบบ AI (Artificial Intelligence) เป็นระบบภายในโลกเสมือนนี้
AI ใน Metaverse
หากเป็นแค่เทคโนโลยี AR/VR ที่ทำเพื่อจำลองภาพ digital ผสมกับโลกจริงเฉยๆ ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ระบบ AI เข้ามาด้วย แต่หากจะเล่นใหญ่แบบพี่ Mark โดยการสร้างโลกเสมือนเนี่ย ก็จำเป็นต้องมีระบบ AI เข้ามาช่วยด้วย ซึ่งมีตัวอย่างที่ระบบ AI จะเข้ามาช่วยใน metaverse ดังนี้
กายเสมือน (Avatar)
คือโลก metaverse เนี่ยสมมติว่านาย A จะเข้าไปเล่น นาย A ในโลกจริงจะถูกสร้างให้เป็น avatar ใน metaverse แล้วก็ไปใช้ชีวิตในนั้น ซึ่งการจำลอง avatar นาย A ให้เหมือนโลกจริงเนี่ย ระบบ AI จะเข้ามาช่วยแสกนใบหน้าหรือรูปร่างแล้วประมวลผลออกมาเป็น avatar อย่างแม่นยำ ซึ่งก็ต้องดูต่อไปว่าจะแม่นยำขนาดไหนเมื่อออกมาใช้จริงๆ
คนเสมือน (Digital Human)
หรือเราอาจคุ้นกับคำว่า NPCs (non-playing characters) หรือก็คือบอทที่ไม่ใช่คนจริงๆที่อยู่ใน metaverse อาจมีหน้าที่เป็นตัวช่วยเรา หรือชี้แนะเราในโลกเสมือนนี้
ซึ่ง digital human สร้างโดยใช้ระบบ AI ทั้งหมด เพื่อให้สามารถเรียนรู้ และตอบโต้กับคนในโลกนั้นจริงๆได้ (ถ้านึกไม่ออกให้นึกเหมือนมี Siri หรือ google assistant ในนั้นเป็นตัวขึ้นมานะแหละ) AI พวกนี้จะช่วยแปลงจากภาษาคน ไปเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ ไปวิเคราะห์และคำนวณ และแปลงกับมาเป็นภาษาคนเพื่อตอบโต้กับเราอีกที
โลกเสมือน (World expansion)
แน่นอนว่าโลกเสมือนก็ต้องมี “โลก” อยู่ในนั้นด้วย ระบบ AI จะเรียนรู้การสร้างโลก และสามารถ generate โลกเองต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องให้คนเข้าไปสร้างเองเลย ทำให้โลกเสมือนนี้สามารถ generate landscape ออกไปได้เรื่อยๆ โดยที่เราเองก็จะไม่รู้ด้วยว่าพื้นที่ต่อไปจะออกมาเป็นอย่างไร เหมือนว่าได้สำรวจโลกจริงๆ
ขยับเสมือน (HCI)
Human-computer interactions (HCI) คือระบบที่จะมาตรวจจับกล้ามเนื้อเราในโลกจริง และคำนวณว่าเราอยากขยับแบบไหนใน metaverse แน่นอนว่าระบบนี้ก็ใช้ AI ในการช่วยคำนวณเช่นกัน
Metaverse หรือว่าโลกเสมือนเองเป็นเหมือนอนาคตใหม่ที่ใกล้ตัวเข้ามาทุกที และยังมีโอกาสในการทำอะไรในนั้นได้มากมาย ผู้พัฒนาต่างพร้อมที่จะใส่เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นพัฒนาอาจมีข่าวใหม่ๆมาให้ติดตามอีก ก็ต้องรอดูต่อไปว่าตา Mark จะมีอะไรมาโชว์ให้เราตกใจอีกหรือเปล่า..
อ้างอิง
https://www.xrtoday.com/virtual-reality/artificial-intelligence-in-the-metaverse-bridging-the-virtual-and-real/
https://towardsdatascience.com/how-ai-will-shape-the-metaverse-4ea7ae20c99
